กรมการขนส่งทางบก จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ชวนเจ้าของรถตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่
ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ตลอดเดือนธันวาคม 2565 มุ่งมั่นลดอุบัติเหตุจากการขัดข้องของเครื่องยนต์
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงวันหยุดยาวที่ประชาชนนิยมเดินทาง กลับภูมิลำเนาหรือเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ประกอบกับตอนนี้สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)ในประเทศไทยเข้าสู่สภาวะปกติ มีการคลายมาตรการทางด้านสาธารณสุข โดยคาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ในปีนี้จะมีประชาชนเดินทางและใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน กรมการขนส่งทางบกขอแนะนำว่า สำหรับผู้ขับขี่รถในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ควรตรวจเช็กสภาพรถให้มีความพร้อมก่อนเดินทางทุกครั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบกได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” เพื่อให้บริการตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เบื้องต้นก่อนเดินทาง กว่า 20 รายการ โดยไม่คิดค่าบริการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง การทำงานของเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง หม้อน้ำและรอยรั่ว ไส้กรองอากาศ การทำงานของไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะได้รับการดูแลจากช่างผู้ชำนาญงาน นอกจากนี้ บางหน่วยงานยังมีบริการตรวจเช็กลูกหมากปีกนก ลูกปืนล้อ ตรวจถังน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงท่อและข้อต่อน้ำมันเชื้อเพลิงให้เพิ่มเติม ทั้งยังให้ส่วนลดค่าอะไหล่บางรายการอีกด้วย เจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์สามารถนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า กรมการขนส่งทางบกมีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อส่งเสริมและสร้างความตระหนักให้เจ้าของรถเห็นความสำคัญของการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถ เครื่องยนต์และอุปกรณ์ส่วนควบของรถก่อนการเดินทาง ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย, สมาคมการค้าไทย – ยุโรป, สมาคมตรวจสภาพรถเอกชนไทย, สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย, สถาบันยานยนต์, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด, บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด, บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด,บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซูซูกิโมโตเซลส์คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด, บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท บี - ควิก จำกัด, บริษัท ฟอร์ซเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ AUTO QUIKS), บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท คาร์เวิลด์ คลับ จำกัด, บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด นอกจากนี้ผู้ขับขี่ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมเมื่อทราบว่าต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆ ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง หากมีอาการเหนื่อยล้าระหว่างการเดินทางควรหยุดพักในจุดที่ปลอดภัย วางแผนและศึกษาเส้นทางล่วงหน้า ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขับรถด้วยความระมัดระวังปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด คาดเข็มขัดนิรภัยและสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับขี่ยานพาหนะ เพิ่มความระมัดระวังเมื่อต้องขับขี่ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงวันหยุดยาวที่ประชาชนนิยมเดินทาง กลับภูมิลำเนาหรือเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ประกอบกับตอนนี้สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)ในประเทศไทยเข้าสู่สภาวะปกติ มีการคลายมาตรการทางด้านสาธารณสุข โดยคาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ในปีนี้จะมีประชาชนเดินทางและใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน กรมการขนส่งทางบกขอแนะนำว่า สำหรับผู้ขับขี่รถในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ควรตรวจเช็กสภาพรถให้มีความพร้อมก่อนเดินทางทุกครั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบกได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” เพื่อให้บริการตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เบื้องต้นก่อนเดินทาง กว่า 20 รายการ โดยไม่คิดค่าบริการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง การทำงานของเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง หม้อน้ำและรอยรั่ว ไส้กรองอากาศ การทำงานของไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะได้รับการดูแลจากช่างผู้ชำนาญงาน นอกจากนี้ บางหน่วยงานยังมีบริการตรวจเช็กลูกหมากปีกนก ลูกปืนล้อ ตรวจถังน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงท่อและข้อต่อน้ำมันเชื้อเพลิงให้เพิ่มเติม ทั้งยังให้ส่วนลดค่าอะไหล่บางรายการอีกด้วย เจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์สามารถนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า กรมการขนส่งทางบกมีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อส่งเสริมและสร้างความตระหนักให้เจ้าของรถเห็นความสำคัญของการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถ เครื่องยนต์และอุปกรณ์ส่วนควบของรถก่อนการเดินทาง ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย, สมาคมการค้าไทย – ยุโรป, สมาคมตรวจสภาพรถเอกชนไทย, สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย, สถาบันยานยนต์, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด, บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด, บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด,บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซูซูกิโมโตเซลส์คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด, บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท บี - ควิก จำกัด, บริษัท ฟอร์ซเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ AUTO QUIKS), บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท คาร์เวิลด์ คลับ จำกัด, บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด นอกจากนี้ผู้ขับขี่ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมเมื่อทราบว่าต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆ ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง หากมีอาการเหนื่อยล้าระหว่างการเดินทางควรหยุดพักในจุดที่ปลอดภัย วางแผนและศึกษาเส้นทางล่วงหน้า ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขับรถด้วยความระมัดระวังปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด คาดเข็มขัดนิรภัยและสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับขี่ยานพาหนะ เพิ่มความระมัดระวังเมื่อต้องขับขี่ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
ข้อมูล กรมการขนส่งทางบก